J Plasma ยกกระชับอย่างตรงจุด ตัวช่วยดูดไขมันผิวไม่ย้วย ผิวแน่นเฟิร์มกระชับ
J Plasma เทคโนโลยีกระชับผิวใหม่ล่าสุดจากอเมริกา แผลเล็ก ปลอดภัย เห็นผลทันทีหลังทำ
การมีผิวหย่อนคล้อย เป็นสาเหตุที่ทำให้เรารู้สึกว่าแขนขาใหญ่ขึ้น รู้สึกว่าตัวเองอ้วนขึ้น เริ่มไม่มั่นใจกับรูปร่าง บางคนอาจจะคิดว่าต้องแก้ไขปัญหาด้วยการดูดไขมันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ก่อนจะเริ่มทำการรักษาเราต้องรู้ก่อนว่าเราอ้วนเพราะอะไร ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงจะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล อาทิมีไขมันส่วนเกินในปริมาณมาก ผิวหนังมีความย้วยมาก หรือเป็นคนกระดูกใหญ่ หรือมีกล้ามเนื้อที่ขยายตัวขึ้นจากการออกกำลังกาย เราควรแก้ปัญหาอย่างตรงจุด เช่นหากมีไขมันมากอย่างเดียว การดูดไขมันอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าคนไข้มีความย้วยของผิวมาก อาจจะต้องทำโปรแกรมยกกระชับผิวควบคู่ด้วย ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินการรักษา พร้อมดูความคาดหวังของคนไข้ว่าอยู่ในระดับใด
“สาเหตุหลักของการเกิดผิวย้วยและผิวหย่อนคล้อย
มาจาก 2 สาเหตุหลักด้วยกันคือ
1. ผิวเสียความยืดหยุ่น
เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ร่างกายของเราจะเริ่มผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินน้อยลงตามอายุที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การยึดติดกันของเนื้อเยื่อในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอ่อนแอลง ขาดความเต่งตึง ผิวจึงเริ่มเหี่ยวย่น หย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น ไม่กระชับตัวเหมือนก่อน เริ่มเกิดริ้วรอย หรือปรากฎรอยย่นอย่างชัดเจน หรือหลังจากดูดไขมันออกไปแล้ว บริเวณดังกล่าวจะเกิดช่องว่างภายใต้ผิว หากคนไข้ไม่ใส่ชุดยกกระชับหรือทำโปรแกรมยกกระชับผิว ผิวหนังบริเวณนั้นจะหย่อนคล้อย เป็นคลื่น ไม่เรียบเนียน
2. ผิวยืดเกินขนาด
ไขมันส่วนเกินในร่างกายทำให้สัดส่วนขยายใหญ่ขึ้น หากเราลดน้ำหนักลงอย่างรวดเร็ว หรือผิดวิธี จะเกิดช่องว่างภายใต้ผิว เมื่อร่างกายไม่สามารถกระชับผิวได้ทันตามช่องว่างที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ผิวบริเวณดังกล่าวหย่อนคล้อย ย้วยตัวลงมา นอกจากนี้การที่ผิวยืดขยายเกินขนาดยังเกิดได้จากสาเหตุอื่น ๆ อีก เช่นการตั้งครรภ์บุตร การให้นมบุตร เป็นต้น
“ปัจจัยที่ทำให้ผิวเกิดความหย่อนคล้อย
- อายุ
- การดูแลตัวเองในชีวิตประจำวัน
- สิ่งแวดล้อมและมลภาวะรอบ ๆ ตัว การพักผ่อน
- ความเครียด
โดยสรุปแล้ว ในชีวิตประจำวันเราจะเจอปัจจัยต่าง ๆ ที่เข้ามาส่งผลต่อร่างกายเราทุกวัน การดูแลตัวเองสำคัญเป็นอย่างยิ่ง หากคุณพักผ่อนน้อย นอนไม่เต็มที่ กินน้ำน้อย Growth Hormone หรือฮอร์โมนที่ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ลง จะหลั่งออกมาน้อย ทำให้ผิวของคุณฟื้นฟูตัวเองช้า แทนที่จะเต่งตึงกลับเริ่มหย่อนคล้อยลงไปเรื่อย ๆ จะสังเกตได้ว่าอายุยิ่งน้อย ผิวยิ่งเนียนกระชับ เต่งตึง ไร้ริ้วรอย เมื่ออายุมากขึ้นผิวจะเริ่มเปลี่ยนไป เป็นเพราะร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินน้อยลง ส่งผลให้เส้นใย FSN หรือ Fibroseptal Network ซึ่งเป็นเส้นใยที่ทำหน้าที่พยุงผิวให้ยึดติดกัน อ่อนตัวลง ทำให้ประสิทธิภาพในการพยุงผิวลดน้อยลง จากนั้นผิวหนังจะเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่น ไม่กระชับตัว หย่อนคล้อย และย้วยตัวลง
สิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพลงเช่นกัน เช่นแสงแดด เพราะในแสงแดดมีรังสียูวีเอที่กระตุ้นการเกิดอนุมุลอิสระ ที่เป็นตัวการทำลายคอลลาเจน อีลาสติน และเซลล์ผิวหนัง ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ที่ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นได้ง่ายคือฝุ่นละออง ควันจากท่อไอเสีย และที่สำคัญการมีปัจจัยกระตุ้นอย่างการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่จะยิ่งทำให้เส้นใย FSN สูญเสียความยืดหยุ่นมากกว่าคนปกติท่ัวไป
“ตำแหน่งที่พบว่าเกิดความหย่อนคล้อยได้ง่าย
ผิวหนังในแต่ละบริเวณบนร่างกายของคนเรา จะมีความยืดหยุ่นแตกต่างกัน บริเวณที่ผิวหนังมีการยืดขยายตัวบ่อย ๆ หรือบริเวณข้อพับต่าง ๆ อย่างข้อศอก ข้อนิ้ว และเข่า ซึ่งจะมีการยืดเข้ายืดออกบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ กันทำให้เส้นใย FSN บริเวณนี้จะยืดขยาย สูญเสียความหยุ่น ไม่กระชับ เหี่ยวและย่นนั่นเอง นอกจากนี้บริเวณหน้าท้องก็เป็นอีกจุดที่เกิดความหย่อนคล้อยได้ง่าย โดยเฉพาะคุณแม่ที่ตั้งครรภ์บุตร ผิวหนังบริเวณหน้าท้องจะเกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้เส้นใย FSN ยืดขยาย สูญเสียความยืดหยุ่น ความกระชับ จึงเกิดเป็นปัญหาหน้าท้องย้วย หน้าท้องหย่อนคล้อย หน้าท้องไม่กระชับหลังคลอดบุตร เผลอ ๆ ยังแตกลายอีกด้วย
จากวิดีโอด้านบนจะเห็นได้ว่าวิดีโอด้านซ้ายเป็นวิดีโอมือของคนที่อายุน้อย เมื่อดึงผิวแล้วผิวจะเด้งกลับทันที แสดงถึงความยืดหยุ่นของผิว สำหรับวิดีโอด้านขวาเป็นวิดีโอมือของผู้ที่มีอายุมาก เมื่อดึงผิว ผิวหนังจะค่อย ๆ หดตัวลง ไม่เด้งกลับในทันที แสดงถึงผิวที่สูญเสียความยืดหยุ่น ไม่กระชับ ไม่เต่งตึง
“หลักการรักษาผิวหย่อนคล้อย
การรักษาผิวหย่อนคล้อยมี 2 วิธีด้วยกัน คือการลดขนาดพื้นที่ผิวหนังโดยการผ่าตัดผิวส่วนเกิน (ผ่าตัดหนังย้วย) ออกไป และกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินเพื่อให้ผิวกลับมากระชับ เต่งตึง โดยการใช้พลังงานความร้อน
1. การลดขนาดพื้นที่ผิว (การผ่าตัดเอาผิวหนังส่วนเกินออกไปอย่างถาวร)
วิธีนี้เป็นวิธีดั้งเดิมที่ต้องอาศัยมีดหมอในการผ่าตัดผิวหนังย้วย เอาผิวหนังส่วนเกินออกไปอย่างถาวร และเย็บปิด เป็นวิธีที่เห็นผลชัดเจนที่สุด และเป็นวิธีที่มีความเสี่ยงสูงที่สุด คนไข้บางรายอาจจะต้องผ่าตัดเลื่อนสะดือร่วมด้วย
ข้อดีของการยกกระชับโดยการใช้วิธีผ่าตัดหนังย้วยแบบดั้งเดิม
- ผ่าตัดผิวหนังย้วยออกไป ช่วยลดขนาดได้อย่างถาวร
- เห็นผลทันที
- รูปร่างสมส่วน
- ช่วยแก้ไขหรือบรรเทาความผิดปกติทางโครงสร้างหน้าท้อง
ข้อเสียของการยกกระชับโดยใช้วิธีการผ่าตัดแบบดั้งเดิม
- มีแผลผ่าตัดใหญ่รอบตัว เกิดรอยแผลเป็น
- อาจทำให้เกิดแผลติดเชื้อได้
- อาจมีอาการเจ็บปวดและไม่สบายตัวรอบ ๆ บริเวณที่ผ่าตัด
- บริเวณที่ผ่าตัดผิวหนังย้วยออกไป อาจไม่หายสนิท อาจจะต้องมีการปลูกถ่ายผิวหนัง
- อาจมีอาการน้ำคั่งที่ใต้ผิว (Seroma) รอบ ๆ บริเวณที่ผ่าตัด
- หลังจากผ่าตัดหนังย้วยออกไป อาจเกิดลิ่มเลือด หรือภาวะหลอดเลือดดำอุดตันได้
- วิงเวียนศรีษะ คลื่นไส้ อาเจียน จากการดมยาสลบ
- ใช้เวลาพักฟื้นนาน
- มีราคาสูง เพราะต้องมีค่าใช้จ่ายในเรื่องของแพทย์ดมยาและค่าห้องพักฟื้น
2. การใช้พลังงานความร้อนทำให้เนื้อเยื่อหดตัว
วิธีนี้จะแตกต่างจากการผ่าตัดหนังย้วยในแบบแรก โดยจะเป็นการใช้พลังงานความร้อนเป็นตัวกระตุ้นให้คอลลาเจน อีลาสติน และเส้นใย FSN หดตัวลง และเนื้อเยื่อสามารถหดตัวลงได้ในทันทีหากพลังงานความร้อนที่ส่งเข้าไปอยู่ในระดับอุณหภูมิ 65 – 85 องศาเซลเซียส
เครื่อง Internal RF ในสมัยก่อนจะใช้หลักความร้อนสะสม ซึ่งกลุ่มก้อนพลังงานความร้อน (Bulk Heating) จะทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นจนถึงประมาณ 60 – 65 องศาเซลเซียส โดยที่อุณหภูมิพื้นผิวหนังของเราจะสูงขึ้นไปด้วย เมื่อผิวเราโดนความร้อนสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเวลานาน ระหว่างการรักษาจึงทำให้รู้สึกร้อนมาก เจ็บปวด และอุณหภูมิก็ควบคุมได้ยากในบางครั้ง จึงอาจทำให้ผิวไหม้ เป็นแผลพุพองได้
การใช้ความร้อนในอุณหภูมิที่สูงต้องมาควบคู่กับความปลอดภัยด้วย เราต้องการให้เนื้อเยื่อภายใต้ผิวหรือเส้นใย FSN โดนความร้อนและหดตัวลงในทันที แต่เราไม่ต้องการให้เกิดการเผาไหม้ที่ชั้นผิวหนังด้านนอก เพราะผิวด้านนอกไม่สามารถทนความร้อนได้สูง เมื่อโดนความร้อนสูงจะทำให้เกิดเป็นตุ่มน้ำใส หรือแผลพุพอง เราจึงต้องใช้เทคโนโลยีที่สามารถส่งพลังงานความร้อนได้สูงถึง 85 องศาเซลเซียส โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อ เส้นประสาท หรือเส้นเลือดรอบข้าง
“J Plasma ยกกระชับผิวตึงในทันที ดูดไขมันผิวไม่ย้วย
อ่อนโยน / แม่นยำ / ตรงจุด / ปลอดภัย / ไม่ต้องดมยาสลบ
J Plasma คือ นวัตกรรมล่าสุดในการยกกระชับผิวให้เรียบตึงจากสหรัฐอเมริกา ผสมผสานการใช้พลังงานฮีเลียมพลาสมา (Helium Plasma) ซึ่งเป็นก๊าซเฉื่อยที่มีความเย็น ร่วมกับพลังงานคลื่นความถี่วิทยุ (Radio Frequency : RF) เข้ามาช่วยในการยกกระชับ ทำให้ผิวหนังหดตัว เรียบตึง กระชับขึ้นทันทีที่ทำ โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อหรือเส้นประสาทข้างเคียง ที่สำคัญ J Plasma ยังได้รับการรับรองจากสำนักงานอาหารและยา (อย.) ทั้งในประเทศไทย (Thai FDA) และในสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA) อีกด้วย
J Plasma (เจ พลาสมา) ทำงานอย่างไร
การยกกระชับผิวด้วย J Plasma นั้น แพทย์จะเปิดแผลผ่าตัดขนาดเล็กและสอดท่อพลังงานฮีเลียมพลาสมาขนาดเล็กเข้าไปใต้ชั้นผิวหนังในบริเวณที่ต้องการยกกระชับ เมื่อท่อพลังงานสัมผัสกับเส้นใยที่ทำหน้าที่ยึดผิว (FSN หรือ Fibroseptal Network) พลังงานจะถูกปล่อยไปยังจุดที่ต้องการอย่างเฉพาะเจาะจง เส้นใยดังกล่าวจะหดตัวลงในทันที หลังเนื้อเยื่อหดตัว ท่อพลังงานจะลดอุณหภูมิตัวเองลงอัตโนมัติ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการทำร้ายเนื้อเยื่อข้างเคียง ช่วยให้ยกกระชับได้อย่างตรงจุด
ด้วยพลังงานฮีเลียมพลาสมา จะช่วยให้สามารถส่งพลังงานความร้อนได้สูงถึง 85 องศาเซลเซียสในบริเวณที่เจาะจง และเย็นลงทันทีในระยะเวลาเพียงเสี้ยววินาที (0.040 – 0.080 วินาที) เมื่อขึ้นมาที่ระดับชั้นผิว อุณหภูมิของท่อพลังงานจะลดเหลือ 41 องศาเซลเซียสเท่านั้น ทำให้ไม่เกิดการเผาไหม้ ไม่ทำลายเนื้อเยื่อข้างเคียง ผิวหนังหดตัว กระชับ เรียบตึง โดยไม่เจ็บ แถมยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนังอีกด้วย หลังการรักษา แพทย์จะเย็บปิดปากแผลผ่าตัดด้วยเทคนิคซ่อนแผลแบบพิเศษ แผลเล็กเพียง 4 – 5 มิลลิเมตร หากคนไข้มีแผลนูน (คีลอยด์) หรือรอยดำหลังจากการกระชับผิวด้วย J Plasma ทางเอมาร่าคลินิกมีบริการฉีดลดรอยแผลนูน (คีลอยด์) และเลเซอร์ลดรอยดำจนกว่าคนไข้จะพึงพอใจ โดยที่คนไข้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
J Plasma ยกกระชับได้อย่างแม่นยำ ตรงจุด อย่างเฉพาะเจาะจง
จากวิดีโอจะเห็นได้ว่าเมื่อพลังงานสัมผัสกับเส้นใย FSN เส้นใยจะหดตัวลงทันที หลังการรักษาผิวหนังจึงกระชับตัวได้ในทันที
จากวิดีโอจะเห็นได้ว่า J Plasma แพร่กระจายความร้อนไปเฉพาะจุด อย่างเจาะจงในบริเวณที่ต้องการรักษา โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อข้างเคียง
“J Plasma ตัวช่วยยกกระชับผิวให้เรียบตึง ทุกสัดส่วนของร่างกาย
บริเวณใดบ้าง ที่สามารถรักษาได้ด้วย J Plasma (เจ พลาสมา)
1. การยกกระชับด้วย J Plasma (เจ พลาสมา) บริเวณกรอบหน้า (ใบหน้าช่วงล่าง, ลำคอ, เหนียง, วีไลน์)
1.1. กระชับเหนียง เก็บเหนียง กำจัดเหนียง ลดคางสองชั้น
J Plasma จะช่วยกำจัดเหนียง ยกกระชับเหนียง เก็บเหนียงให้น้อยลง ทำให้หมดปัญหาคางสองชั้น เหนียงย้อย ให้คุณกลับมามั่นใจอีกครั้ง เซลฟีมุมไหนก็ไม่หวั่น
สรุป ปัญหาเรื่องความไม่กระชับของเหนียงที่มักทำให้กังวล
– คางสองชั้น ไม่มั่นใจ
– เหนียงใหญ่ ก้มหน้าไม่สุด
– ใบหน้าดูอ้วน
1.2. กระชับผิวบริเวณลำคอ ลดคอย่น คอเหี่ยว
ลำคอเหี่ยว ลำคอย่น มักพบในคนที่มีอายุ 40 – 60 ปีขึ้นไป J Plasma จะช่วยยกกระชับผิวหนังบริเวณลำคอให้เต่งตึงขึ้น ซึ่งจะช่วยให้คุณดูอ่อนเยาว์ลง
สรุป ปัญหาเรื่องความไม่กระชับบริเวณลำคอที่มักทำให้กังวล
– ลำคอเหี่ยว
– ลำคอย่น
– ดูมีอายุเยอะ สร้างความไม่มั่นใจ
2. การยกกระชับด้วย J Plasma (เจ พลาสมา) บริเวณลำตัว (แขน, หน้าอก, หน้าท้อง, เอว, Sexy Line)
2.1. กระชับแขนหย่อนคล้อย ลดแขนย้วย หมดปัญหาแขนไม่กระชับ
J Plasma จะช่วยยกกระชับต้นแขนของคุณ ให้คุณกลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง หมดปัญหาแขนไม่กระชับ แขนย้วย ต้นแขนหย่อนคล้อย
สรุป ปัญหาเรื่องความไม่กระชับบริเวณแขนที่มักทำให้กังวล
– ต้นแขนย้วย
– ต้นแขนไม่กระชับ
– ต้นแขนหย่อนคล้อย
– มีการสะสมของไขมันส่วนเกินมากที่บริเวณต้นแขน
– ไม่มีความมั่นใจ ไม่กล้าใส่เสื้อโชว์แขน
2.2. กระชับหน้าอกหย่อนคล้อย แก้หน้าอกยาน
J Plasma จะช่วยให้หน้าอกของคุณยกกระชับขึ้น หน้าอกเต่งตึงขึ้น หน้าอกเป็นทรงสวยงาม หมดปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อย หน้าอกหย่อนยาน หน้าอกไม่กระชับ
สรุป ปัญหาเรื่องความไม่กระชับบริเวณหน้าอกที่มักทำให้กังวล
– หน้าอกหย่อนคล้อย จากแรงโน้มถ่วงของโลก
– หน้าอกยาน จากการให้นมบุตร
– หน้าอกไม่เต่งตึง
– หน้าอกไม่กระชับ
2.3. กระชับหน้าท้อง แก้หน้าท้องย้วย พุงเหี่ยว อาทิหน้าท้องย้วยหลังคลอด โดยไม่ต้องผ่าตัดลดหน้าท้อง
J Plasma ช่วยแก้ไขปัญหาหน้าท้องหย่อนคล้อยจากการออกกำลังกายที่ผิดวิธี หน้าท้องลาย ผิวส้ม หลังคลอดบุตร ช่วยให้หน้าท้องกระชับมากยิ่งขึ้น
สรุป ปัญหาเรื่องความไม่กระชับบริเวณหน้าท้องที่มักทำให้กังวล
– มีไขมันส่วนเกินสะสมมากในบริเวณท้อง เอว
– หน้าท้องลาย หน้าท้องเป็นผิวส้ม หลังคลอดบุตร
– คนที่ออกกำลังกายผิดวิธี ไขมันลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ผิวหนังไม่สามารถกระชับตัวได้ทัน ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย
– ดูดไขมันแล้ว แต่ไม่ได้ทำโปรแกรมยกกระชับผิวหรืออาจสวมชุดยกกระชับผิดวิธี ทำให้ผิวหย่อนคล้อย
3. การยกกระชับด้วย J Plasma (เจ พลาสมา) บริเวณช่วงล่าง (ต้นขา, ก้น)
3.1. กระชับต้นขาใหญ่ ต้นขาย้วย
การทำ J Plasma จะช่วยให้ต้นขากระชับหมดปัญหาต้นขาย้วย ต้นขาใหญ่ ต้นขาหย่อนคล้อย โดยไม่ต้องผ่าตัดยกกระชับต้นขา
สรุป ปัญหาเรื่องความไม่กระชับบริเวณต้นขาที่มักทำให้กังวล
– ต้นขาย้วย
– ต้นขามีเซลลูไลท์มาก
– ต้นแขนหย่อนคล้อย
– มีอาการขาเบียด ใส่กางเกงแล้วอึดอัด
– ต้นขาไม่กระชับ
3.2. กระชับก้นเหี่ยว ก้นย้อย ก้นหย่อนยาน
J Plasma จะช่วยยกกระชับก้นของคุณให้เต่งตึงขึ้น ไม่เหี่ยว ไม่หย่อนยาน ให้คุณกลับมามั่นใจอีกครั้ง สวมใส่เสื้อผ้าได้ตามต้องการ อวดสรีระได้อย่างไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
สรุป ปัญหาเรื่องความไม่กระชับบริเวณก้นที่มักทำให้กังวล
– ก้นย้วย
– ก้นหย่อนยาน
– ออกกำลังกายผิดวิธีทำให้ก้นเหี่ยว
– มีไขมันส่วนเกินบริเวณก้นมาก
ข้อดีของการยกกระชับด้วย J Plasma (เจ พลาสมา)
- J Plasma เป็นนวัตกรรมยกกระชับที่สามารถเห็นผลได้ทันทีที่ทำ
- J Plasma สามารถยกกระชับได้ทุกสัดส่วนบนร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าส่วนล่าง กรอบหน้า คาง เหนียง ลำคอ หน้าอก แขน หน้าท้อง เอว สะโพก ก้น ขา เป็นต้น (บางจุดอาจต้องทำการดูดไขมันร่วมด้วย เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น โดยขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล)
- การทำ J Plasma ไม่ต้องเปิดแผลใหญ่ ไม่ต้องผ่าตัด
- หลังทำ J Plasma จะไม่มีรอยแผลเป็น (จะมีแผลหลังจากการทำ ขนาดเพียง 4 มิลลิเมตร)
- ยกกระชับด้วย J Plasma กระชับแล้วกระชับเลย ไม่ต้องทำซ้ำ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคล)
- J Plasma ช่วยให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น คนไข้สามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ลดอาการบอบช้ำ ลดการอักเสบของแผลหลังดูดไขมัน
- J Plasma สามารถยกกระชับได้อย่างแม่นยำ ตรงจุด ด้วยพลังงานความร้อนที่สูงถึง 85 องศาเซลเซียส ทำให้เนื้อเยื่อสามารถหดตัวได้ในทันที โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อข้างเคียง
- ไม่มีอาการเจ็บปวด ในขณะที่ทำการยกกระชับด้วย J Plasma
ผลลัพธ์หลังการยกกระชับด้วย J Plasma
- หลังจากยกกระชับด้วย J Plasma พื้นผิวจะหดตัวลงทันทีประมาณ 10 – 30% หลังจากนั้น 3 – 6 เดือน จะเห็นผลได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้อยู่ที่ประมาณ 80% ของการผ่าตัดหน้าท้อง เพราะมีการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวยกกระชับขึ้น เต่งตึง ยืดหยุ่น มากขึ้นเรื่อย ๆ
- นอกจากจะทำให้เนื้อเยื่อกระชับหดตัวได้ในทันทีนั้น J Plasma ยังเข้าไปกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ซึ่งจะช่วยให้ผิวเต่งตึง มีความยืดหยุ่นในระยะยาว
การดูแลตัวเองหลังยกกระชับด้วย J Plasma
- ควบคุมพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ควรรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เพราะจะช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนให้มากขึ้น
- ควบคุมอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้การสร้างคอลลาเจนชะลอตัวลง
- ทาครีมบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในบริเวณที่ทำการยกกระชับ
- อาจมีอาการบวมหรือช้ำใน 1 – 2 สัปดาห์แรก ควรใส่ชุดยกกระชับตามคำแนะนำของแพทย์
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้เซลล์เนื้อเยื่อมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
** ผลของการรักษาจะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หากคนไข้ดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ **
ข้อจำกัดของการยกกระชับด้วย J Plasma
ในการรับการรักษาด้วย J Plasma ไม่แนะนำในกรณีที่ผู้รับการรักษามีอาการดังต่อไปนี้
– ผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ
– ผู้ที่เป็นโรคหัวใจระดับรุนแรง
– ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานระดับรุนแรง
– ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับสมองระดับรุนแรง
– ผู้ที่เป็นโรคไทรอยด์ระดับรุนแรง
ทำไมต้องทำ J Plasma ที่ Amara Clinic
– รักษาโดยแพทย์ประสบการณ์สูง มีคุณวุฒิ เอกสารประกอบวิชาชีพถูกต้องตามกฎแพทยสภา
– ใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย ปลอดภัย ได้มาตรฐาน
– หลากหลายเคสรีวิว ที่มีผลการรักษาเป็นที่พึงพอใจจากคนไข้
ข้อแนะนำสำหรับคนไข้ที่ต้องการยกกระชับแต่ไม่ต้องการเปิดแผลผ่าตัด
การส่งพลังงานความร้อนแบบไม่สัมผัสกับเนื้อเยื่อโดยตรง (External RF) เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยกระชับผิวหนังได้ โดยไม่ต้องเปิดแผลผ่าตัด ซึ่งหลักการทำงานของวิธีนี้นั้น จะส่งพลังงานความร้อนจากผิวหนังด้านนอกเข้าไปยังเนื้อเยื่อภายใต้ผิว โดยอุณหภูมิของผิวหนังด้านนอกจะต้องเย็นที่สุด หรือไม่เกิน 45 องศาเซลเซียส แต่พลังงานความร้อนที่ส่งเข้าไปใต้ผิวหนังต้องมีอุณหภูมิที่สูง
การรักษาโดยใช้วิธีส่งพลังงานความร้อนแบบไม่สัมผัสกับเนื้อเยื่อโดยตรง เป็นการรักษาในลักษณะการนวด เหมาะกับเคสที่ผิวไม่ย้วยมาก หรือพื้นผิวเดิมมีความยืดหยุ่นระดับปกติ แต่ดูดไขมันแล้วผิวย้วยเล็กน้อย การยกกระชับผิวด้วยวิธีนี้มีข้อดีคือปลอดภัย ไม่มีแผล แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน คือ ผู้รับการรักษาอาจรู้สึกร้อนมากระหว่างทำการรักษา และอาจจะเห็นผลลัพธ์จากการรักษาที่ไมชัดเจนมากนัก ควรต้องใช้ระยะเวลาในการรักษานานกว่าวิธีเปิดแผลผ่าตัดถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
ตัวอย่างของการรักษาที่ใช้วิธี External RF เช่น บริการ Thermatight, HIFU, การนวด RF เป็นต้น
*หมายเหตุ
- ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย รวมถึงปัญหาของคนไข้แต่ละคน
- ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคล
- ผลลัพธ์ที่ได้ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับการสวมชุดกระชับ หลังดูดไขมัน 1 เดือนแรก ควรสวมใส่ 22 – 24 ชั่วโมง/ทุกวัน ถอดออกเฉพาะเวลาอาบน้ำ หลังดูดไขมัน เดือนที่ 2 – 3 เวลาในการสวมใส่จะขึ้นอยู่กับแพทย์ประเมิน หลังจากคนไข้สวมใส่ชุดกระชับไปแล้วเป็นระยะเวลา 1 เดือน หากคนไข้สวมชุดกระชับตามคำแนะนำในเดือนแรก เดือนถัดไปอาจจะสวมใส่เพียง 12 ชั่วโมง โดยคนไข้สามารถเลือกช่วงเวลาในการใส่ได้ว่าจะเป็นช่วงกลางวัน หรือกลางคืน
- ควรทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
– การทำ J Plasma บริเวณกรอบหน้า (ใบหน้าช่วงล่าง, ลำคอ, เหนียง, วีไลน์) >> คลิกที่นี่
– การยกกระชับด้วย J Plasma (เจ พลาสมา) บริเวณลำตัว (แขน, หน้าอก, หน้าท้อง, เอว, Sexy Line) >> คลิกที่นี่
– การยกกระชับด้วย J Plasma บริเวณช่วงล่าง (ต้นขา, ก้น) >> คลิกที่นี่
บทความนี้ จัดทำขึ้นโดย Amara Clinic (เอมาร่า คลินิก) ขอสงวนสิทธิ์ในการห้ามมิให้ผู้ใดใช้ประโยชน์ คัดลอก ทำซ้ำ หรือเผยแพร่บทความนี้ในนามอื่น (ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา, ข้อมูลทั้งหมด หรือบางส่วนก็ตาม) โดยไม่ได้รับอนุญาต หากพบเจอจะถูกดำเนินการตามกฎหมาย